‘ความหลากหลายทางชีวภาพ’ สู่กลยุทธ์ของ ‘เสริมสร้าง พาวเวอร์’ สร้างธุรกิจให้เติบโตควบคู่ สิ่งแวดล้อม

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์และความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตั้งแต่จุลชีพ พืช สัตว์ ไปจนถึงมนุษย์ พร้อมทั้งปฏิสัมพันธ์ที่โยงใยเป็นเครือข่ายห่วงโซ่ชีวิต ด้านบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) มองว่า สมดุลธรรมชาติที่เกิดขึ้นยังคอยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คน อาหาร ยา วัตถุดิบ อากาศสะอาด และภูมิอากาศที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตล้วนเกิดจากบริการเชิงระบบนิเวศ (ecosystem services) ที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่มีมูลค่ามหาศาล

เพราะนับจากวันที่โลกของเราถือกำเนิด ธรรมชาติมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มีระบบต่างๆ ที่คอยอุ้มชูทุกชีวิตจนเกิดเป็นการเกื้อหนุนกันระหว่างสิ่งมีชีวิต และธรรมชาติ จนเกิดเป็นความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อดำรงอยู่ร่วมกัน โดยรายงานจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อย่างเช่น การผสมเกสรโดยผึ่งหรือผีเสื้อที่ก่อให้เกิดผลผลิตทางการเกษตร ไปจนถึงการฟอกอากาศโดยต้นไม้ หรือการสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อาหาร หากตีมูลค่าทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ราว 125 ถึง 140 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งสูงกว่า (GDP) ทั่วโลกรวมกันเสียอีก

การเสื่อมโทรมของความหลากหลายทางชีวภาพนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านความมั่นคงทางอาหาร ภัยพิบัติ และโรคอุบัติใหม่ ด้วยเหตุนี้ องค์กรทั่วโลก รวมถึงเสริมสร้าง พาวเวอร์ จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อคุ้มครองธรรมชาติควบคู่ไปกับการเติบโตทางธุรกิจ

ทำไมภาคธุรกิจจึงต้องขับเคลื่อนเรื่องนี้

ในยุคที่นักลงทุน ผู้บริโภค และหน่วยงานกำกับดูแลหันมาจับตาปัจจัย ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล) อย่างเข้มงวด ธุรกิจที่เพิกเฉยต่อปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะเผชิญทั้งต้นทุนทางการเงินและชื่อเสียง ในขณะที่ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องระบบนิเวศจะได้รับโอกาสใหม่ ทั้งการเข้าถึงเงินทุนสีเขียว การลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ และการสร้างความไว้วางใจจากสาธารณชน

โดยเสริมสร้าง พาวเวอร์ คือหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนขององค์กรพลังงานหมุนเวียนไทยที่ยกระดับ ‘ธรรมชาติ’ สู่ตำแหน่งยุทธศาสตร์ เทียบเคียงเป้าหมายด้านพลังงานสะอาด

‘เสริมสร้าง’ จากผู้พัฒนาไฟฟ้าสีเขียวสู่ผู้พิทักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

ตลอด 10 ปี เสริมสร้าง พาวเวอร์ เติบโตจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มสู่พอร์ตโฟลิโอครอบคลุมพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล และโซลาร์รูฟท็อป รวมกำลังผลิตตามสัญญา 285 เมกะวัตต์ ณ สิ้น ปี 2567 พร้อมค่านิยม FAIR ที่เน้นความยืดหยุ่น ความทะเยอทะยาน นวัตกรรม และความรับผิดชอบ บริษัทได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ระดับ ‘AA’ และคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว สะท้อนการกำกับกิจการที่ดีและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

ทว่า การผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนเพียงอย่างเดียวไม่อาจรับประกันว่าธรรมชาติจะปลอดภัย เสริมสร้าง พาวเวอร์ จึงยกระดับ ‘ความหลากหลายทางชีวภาพ’ เป็นประเด็นสาระสำคัญภายใต้นโยบายสิ่งแวดล้อมพร้อมกำหนดยุทธศาสตร์ ‘Powering a Greener for Biodiversity’ ให้ทุกโครงการพลังงานต้องอยู่ร่วมกับระบบนิเวศอย่างสมดุล มุ่งหลีกเลี่ยง ลด ฟื้นฟู และชดเชยผลกระทบ (Mitigation Hierarchy) ตามกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านธรรมชาติ (TNFD) และมาตรฐานสากลดัชนีเนื้อหาของรายงานความยั่งยืน (GRI)

Green Haven แห่งโคกสำโรง พื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างแท้จริง

ไฮไลต์สำคัญของ เสริมสร้าง พาวเวอร์ คือโครงการ “SSP GREEN HAVEN: Protecting Life, Preserving Nature” ในพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมสร้างพลังงาน (SPN) อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี บนพื้นที่กว่า 889 ไร่ ซึ่งถูกยกระดับเป็น “เขตรักษาพันธุ์นกโดยพฤตินัย” การสำรวจ ปี 2567 พบนกอาศัยหรือแวะพักระหว่างฤดูอพยพ 335–470 ตัว ครอบคลุม 18 ชนิด ตั้งแต่นกกระจาบธรรมดา นกกระยาง จนถึงเหยี่ยวนกเขา

ที่สำคัญ 6 ชนิดถูกขึ้นทะเบียนสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้แก่ นกกระแตแต้แว้ด นกกระเต็นน้อย เหยี่ยวนกเขา นกกวัก นกกาน้ำ และไก่ป่า การทำโซลาร์ฟาร์มจึงต้องออกแบบทางเดินไฟฟ้า มุมแผง และเขตกันชนให้สอดคล้องเส้นทางบิน แหล่งหากิน และจุดวางไข่ พร้อมปรับตารางบำรุงรักษาเพื่อลดเสียงรบกวนในช่วงทำรัง ซึ่งนับเป็นหนึ่งตัวอย่างการให้ความสำคัญด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพ โดย เสริมสร้าง พาวเวอร์

4 มาตรการสำคัญใน Green Haven

  1. สำรวจและติดตามเชิงระบบ: เจ้าหน้าที่สำรวจชนิดและความหนาแน่นของนกทุกไตรมาส เพื่อดูแนวโน้มเพิ่ม–ลดและวิเคราะห์สาเหตุ ผลสำรวจ ปี 2567 พบประชากรนกลดลง 21 % เทียบฐาน 2566 จึงวางแผนเพิ่มแหล่งอาหารตามฤดูกาล
  2. ฟื้นฟูถิ่นอาศัย: ปลูกไม้ยืนต้นท้องถิ่น ขยายพื้นที่สีเขียวรอบอ่างเก็บน้ำ และยกระดับคันดินให้กลายเป็นแหล่งอาศัยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมถึงติดกล่องรังเทียมเพื่อเสริมอัตรารอดลูกนก
  3. หลีกเลี่ยงพื้นที่วิกฤต: ก่อนเริ่มก่อสร้าง ทีมสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงาน IEE/EIA อย่างละเอียด หากพื้นที่ตั้งโครงการมีความเสี่ยงต่อระบบนิเวศเกินเกณฑ์ เสริมสร้าง พาวเวอร์ ยอมถอยและเลือกทำเลใหม่ เช่น พื้นที่เกษตรร้างเพื่อลดผลกระทบ
  4. สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน: จัดกิจกรรม “Bird Watching Citizen Science” เชิญนักเรียน–ชาวบ้านบันทึกชนิดนกผ่านแอปพลิเคชัน สร้างความรู้สึกร่วมในการอนุรักษ์ พร้อมเวิร์กช็อปจัดทำกล้าไม้พื้นถิ่นปลูกคืนสู่พื้นที่

จากกรีนเฮเวนสู่มาตรฐานองค์กร: ระบบบริหารความหลากหลายทางชีวภาพของ เสริมสร้าง พาวเวอร์

สำหรับโครงการนำร่อง ตั้งเป้า “ไม่ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง” (No Net Loss) ในทุกโครงการพลังงานใหม่ แนวทางปฏิบัติหลักประกอบด้วย

  • การประเมินก่อนลงทุน (Pre-Investment Screening) ใช้เกณฑ์ TNFD และ ISO 14001 ระบุพื้นที่คุ้มครอง ถิ่นอาศัยวิกฤต และโอกาสฟื้นฟู หากพบความเสี่ยงสูง โครงการจะไม่เดินหน้า
  • การออกแบบเชิงนิเวศ (Ecological Design) จัดวางเลย์เอาต์โรงไฟฟ้าให้เว้นระยะต่อเนื่องของป่า แนวบินนก และลำน้ำ ใช้ทางลอดสัตว์ป่าในพื้นที่ชายป่า
  • การติดตามตลอดวงจรชีวิต (Life-Cycle Monitoring) สำรวจดัชนี Indicator Species เช่น นกกระแตแต้แว้ด อย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นสัญญาณสุขภาวะระบบนิเวศ
  • การสื่อสารห่วงโซ่อุปทาน (Supplier Code of Conduct) สร้างจุดยืนร่วมกันกับคู่ค้าในการเคารพหลัก ESG และจัดหาวัสดุอย่างยั่งยืน พร้อมลดผลกระทบความหลากหลายทางชีวภาพ

เชื่อมต่อเป้าหมาย Net Zero กับการปกป้องธรรมชาติ

ในขณะที่เสริมสร้าง พาวเวอร์ตั้งเป้าหมายลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายใน ปี 2593 การอนุรักษ์ความหลากหลายยังช่วยเพิ่ม “คาร์บอนสต็อก” ผ่านพื้นที่ป่าไม้และระบบนิเวศชุ่มน้ำ ลดต้นทุนคาร์บอนเครดิต เสริมความยืดหยุ่นของโครงข่ายไฟฟ้า และสร้างบริการระบบนิเวศใหม่ เช่น การกักเก็บน้ำ ลดการกัดเซาะดิน ซึ่งช่วยยืดอายุอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง

ตัวเลขชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2567 แสดงให้เห็นว่าพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานพลังงานชีวมวล สามารถคงระดับ SO₂ เป็นศูนย์ ในขณะที่ PM และ NO₂ ปริมาณการปล่อยเข้มข้นเพียง 0.51 และ 1.47 กิโลกรัมต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง ตามลำดับ แสดงประสิทธิภาพเทคโนโลยีสีเขียวและการจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลอย่างเหมาะสม

พร้อมกันนั้น เสริมสร้าง พาวเวอร์ ยังระดมทุน Green Loan แล้ว 2,123 ล้านบาท เพื่อขยายโครงการสีเขียว สร้างผลผลิตไฟฟ้า 674,597 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ช่วยหลีกเลี่ยงการปล่อย CO₂ ได้ 464,025 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เงินทุนเหล่านี้ผูกกับตัวชี้วัด ESG หากบริษัทไม่บรรลุเป้าหมาย ดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มทันที เป็นกลไกกดดันเชิงบวกให้เดินหน้าการอนุรักษ์อย่างจริงจัง

บทเรียนสำหรับธุรกิจไทย

เส้นทางของ เสริมสร้าง พาวเวอร์ ชี้ให้เห็นว่าการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพไม่ใช่ “ค่าใช้จ่ายแอบแฝง” แต่เป็น “การลงทุน” ที่ตอบแทนด้วยต้นทุนเงินทุนต่ำ ความน่าเชื่อถือสูง และความยืดหยุ่นทางธุรกิจ เคล็ดลับสำคัญประกอบด้วย

  1. กำหนดยุทธศาสตร์ระดับองค์กร — นิยามเป้าหมาย No Net Loss หรือ Nature Positive ให้ชัด ตั้ง KPI และผูกแรงจูงใจทางการเงิน
  2. หลอมรวมกับกระบวนการหลัก — ผสานหลักการ Mitigation Hierarchy เข้ากับ EIA/IEE ทุกโครงการ ตั้งแต่เลือกที่ตั้งจนถึงปลดระวาง
  3. ให้ข้อมูลโปร่งใสและตรวจสอบได้ — รายงานสาธารณะตาม GRI และ TNFD สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน และชุมชน
  4. ดึงภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม — เปิดพื้นที่ให้ชุมชน นักวิชาการ และ NGO ช่วยออกแบบฟื้นฟู ติดตาม พร้อมแลกเปลี่ยนฐานข้อมูล Bird Database
  5. สร้างวัฒนธรรมองค์รวม — ปลูกฝังพนักงานทุกระดับให้เห็นคุณค่าของธรรมชาติผ่านอบรมภาคสนาม กิจกรรมเพิ่มพื้นที่สีเขียว และโครงการอาสาสมัครด้านความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะ

ก้าวต่อไปของเสริมสร้าง

เมื่อ “ความหลากหลายทางชีวภาพ” คือหัวใจของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติ เสริมสร้าง พาวเวอร์ จึงมุ่งเติบโต โดยเกื้อหนุนระบบนิเวศ พร้อมวางรากฐานให้ทุกโครงการเดินหน้าควบคู่กับการฟื้นฟู และส่งเสริมชีวิตทุกรูปแบบ เพราะเมื่อธรรมชาติเข้มแข็ง ผู้คนในสังคมก็สามารถก้าวข้างหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืนร่วมกัน